วันไหว้บรรพบุรุษชาวไทยเชื้อสายเขมร
วันสากกูย (เบณฑ์ตูจ) ขึ้น ๑๔-๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
(ตรงกับวันที่ 12-13 กันยายน 2562)
วันโฎนตา (เบณฑ์ธม) แรม ๑๔-๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
(ตรงกับวันที่ 27-28 กันยายน 2562)
___________________________________________________
ประเพณีสากกวย (สาร์ทกูย) เบณฑ์ตูจ (បិណ្ឌតូច) (ขึ้น ๑๔- ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐)
ปีนี่ตรงกับวันที่ 12-13 กันยายน 2562
เทศกาลสาร์ทของชาวกวย เริ่มต้นในวันขึ้น ๑๔ ค่ำและ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ของทุกปี (ปีนี้ตรงกับวันที่ ๒๓ - ๒๔ กันยายน ๒๕๖๑) เพื่อสืบทอดการปฏิบัติมาแต่โบราณ เป็นเทศกาลของการรำลึกนึกถึงผู้มีพระคุณ ทั้งที่ล่วงลับไปแล้ว และยังมีชีวิตอยู่ ตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนาและชาติพันธุ์
งานวันแรก ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐
โดยช่วงเช้าถึงช่วงสาย ของวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ สำหรับท่านที่บุพการีหรือผู้มีพระคุณได้ล่วงลับไปแล้วนั้น ลูกหลานก็จะพากันทำพิธีอุทิศบุญไปให้ ณ สถูป เจดีย์ ที่บรรจุกระดูก โดยมีการเซ่นไหว้ นิมนต์พระมาสวดมาติกาบังสุกุลอีกด้วย บ้างก็นำอาหารคาวหวานที่หลากหลายมาเซ่นไหว้ บ้างก็นำเถ้ากระดูกออกมาชำระล้างทำความสะอาดด้วยน้ำมะพร้าว น้ำปรุง น้ำอบน้ำหอม แล้วแต่ความสะดวก จะทำอย่างนี้ทุกครอบครัว ส่วนครอบครัวใดที่กระดูกบิดามารดาไม่มี จะนิมนต์พระสงฆ์ไปที่บ้านเพื่อทำมาติกาบังสุกุล และทำการเซ่นไหว้ที่บ้านแทน กระทำอย่างนี้มีขึ้นนับตั้งแต่เช้าจนค่ำ บางครอบครัว เถ้ากระดูกของพ่อแม่ หรือตายายอยู่อีกหมู่บ้าน ปู่ย่าอยู่อีกหมู่บ้าน ก็ต้องทำพิธีเหล่านี้ในสถานที่นั้นๆ จนครบ
สำหรับช่วงเวลาสายถึงบ่าย เป็นช่วงเวลาของผู้มีพระคุณที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยลูกหลานจะนำของดี ๆ เป็นต้นว่า ข้าวปลาอาหาร ของคาวของหวาน หรือสิ่งของเครื่องใช้อื่น ๆ นำไปมอบให้กับผู้มีพระคุณให้ท่านได้ทานได้ใช้ แล้วก็ถือโอกาสกราบขอพรท่านด้วยด้วย ซึ่งผู้รับคือบิดา มารดา ปู่ย่าตายาย ก็จะให้พร นำของต่างๆ เหล่านั้น แจ้งบูชาต่อสิ่งศักดิ์ในบ้านให้ตามคุ้มครองลูกหลาน ให้ได้รับแต่สิ่งดีๆ ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
สำหรับช่วงบ่ายแก่ๆ เย็นถึงค่ำ จะเป็นการเซ่นไหว้อีกครั้ง เป็นการเซ่นไหว้แบบครอบครัว มีเครื่องบูชาเซ่นไหว้แบบสมบูรณ์พูลผล พร้อมทั้งมีเครื่องสักการะบูชาผีบรรพบุรุษมากมาย เป็นการรวมญาติที่ยิ่งใหญ่ และมีความสำคัญในระบบครอบครัวขนาดใหญ่
งานวันที่ ๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
ช่วงเช้าถึงบ่ายแก่ ๆ ของวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ เป็นวันทำบุญตักบาตรตอนเช้า หลังจากตักบาตรเรียบร้อยแล้ว แต่ละหลังคาเรือนจะมีการนำข้าวของเครื่องใช้ ของกินของทาน อาหารคาวหวานอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นของสำหรับคนตาย ซึ่งจะเขียนชื่อผู้ตายไว้ในกระดาษ เสร็จแล้วพระสงฆ์จะสวดมาติกาบังสุกุล ลูกหลานนั้นจะกรวดน้ำเรียกพ่อแม่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วให้มารับของที่นำมาให้ และต่อจากนั้นเมื่อเสร็จพิธีสงฆ์แล้ว จะมีการเรียกชื่อตามสลากที่ได้เขียนไป โดยผู้เฒ่าผู้แก่จะเป็นคนอ่าน เช่น "สาก สาก นาย ก. นาง ข. ผัวเมียลูกเต้า มีข้าวปลาอาหารคาวหวานอุทิศให้แม่...พ่อ...กระบุงหนึ่งใหญ่ๆ" เวลาเดียวกัน นาย ก. กับ นาง ข. ก็ต้องยกสิ่งของเหล่านั้นชูสูงขึ้น เพื่อให้ผีบรรพบุรุษที่รออยู่บริเวณนั้นได้เห็นและเข้ามารับเอาของไป แล้วในเวลาเรียกชื่อในสลากนั้นเอง นาย ก. กับ นาง ข.ก็พูดตามแต่ตั้งใจ เช่น "พ่อแม่มารับเอาของเด้อ ลูกหลานได้อุทิศของกินของใช้มาให้แล้วเวลานี้"
จะมีการกล่าวอย่างนี้ทุกสลากที่เขียน ซึ่งใช้เวลาตั้งแต่ช่วงสายไปจนถึงบ่ายแก่ ๆ จนครบทุกคน และสิ่งของทั้งหมดจะทำการเทกระจาดหรือแจกจ่ายให้คนอื่นทั้งหมด หมายความว่าเป็นการแจกทานให้คนอื่น เจ้าของสิ่งของเหล่านั้นจะไม่นำของเหล่านั้นกลับมาเข้าบ้านของตนเองเด็ดขาด นั่นจึงจะถือเสร็จพิธี นี่คือประเพณีของชาวกวยที่สืบทอดกันมาตามความเชื่อ
___________________________________________________
...ประเพณีแซนโฎนตา หรือ วันสารทเขมร...
ปีนี้ตรงวันที่ 27-28 กันยายน 2562
ประเพณีแซนโฎนตา เป็นประเพณีหนึ่งที่มีความสำคัญ และปฏิบัติสืบทอดติดต่อกันมายาวนาน ของพี่น้องเชื้อสายเขมร ที่แสดงออกถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ สะท้อนให้เห็นความรัก ความผูกพัน ความกตัญญูรู้คุณ ของสมาชิกในครอบครัวเครือญาติ และชุมชน โดยจะประกอบพิธีกรรม
ไงแซนโฎนตา (สารทชาวไทยเชื้อสายเขมร) แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ของชาวไทย เชื้อสายเขมรในจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ มีประเพณีงานบุญเดือน ๑๐ หรืองานสารท เพื่อทำบุญบูชา รำลึก และอุทิศอาหาร ข้าวของเครื่องใช้แก่บรรพบุรุษ ปู่ย่า ตายาย หรือบุพการีผู้ล่วงลับไปแล้วเช่นเดียวกันกับกลุ่มคนไทยอื่นๆ แต่แตกต่างกันในขั้นตอนพิธีกรรม ปัจจุบันงานแซนโฎนตามีการปฏิบัติกันทั้งในครอบครัว หมู่บ้าน และจังหวัด จะทำพิธีในวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ของทุกปี เชื่อว่าวิญญาณของบรรพบุรุษจะกลับมาเยี่ยมลูกหลาน หรือญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ สมาชิกในครอบครัวที่อาศัยอยู่ที่อื่นหรือที่แยกครอบครัวจะกลับมาเยี่ยมบ้าน ลูกสาวหรือลูกสะใภ้จะต้องเตรียมของฝาก “กันจือเบ็น” (กระเฌอสำหรับจัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้)เป็น เสื้อผ้าเครื่องใช้มาส่งครอบครัวใหญ่ และจะช่วยกันจัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ขนม ผลไม้ เสื้อผ้าเครื่องใช้ เพื่อใช้ในการเซ่นไหว้บรรพบุรุษของครอบครัว
ในวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ เชื่อว่าเป็นวันที่บรรพบุรุษที่ล่วงลับแล้วเดินทางมาถึงโลก ชาวไทยเชื้อสายเขมรทุกครอบครัวจะจัดเตรียมตั้งเครื่องเซ่นไหว้ที่บ้าน โดยจัดใส่กันจือเบ็นเพื่อญาติๆ ใช้สำหรับเซ่นไหว้บรรพบุรุษ การทำพิธีแซนโฎนตาโดยผู้อาวุโสก็จะเรียกถามหาลูกหลาน ญาติพี่น้องว่ามาพร้อมหน้ากันหรือยัง และให้มารวมกัน แล้วจะเริ่มเซ่นไหว้โดยจุดธูปเทียน ยกขันห้าไหว้และต่างก็พูดเรียกดวงวิญญาณบรรพบุรุษให้มารับเครื่องเซ่นไหว้ แล้วรินน้ำให้ล้างมือ และรินเครื่องดื่ม เช่น เหล้า น้ำอัดลม ฯลฯ ชี้บอกให้รู้ว่ามีเครื่องเซ่นไหว้อะไรบ้าง เสมือนการมารายงานตัวต่อบรรพบุรุษว่าได้มารอต้อนรับแล้ว ในพิธีเซ่นไหว้ใช้เวลาประมาณ ๒๐ –๓๐ นาที เมื่อ ทำพิธีเสร็จแล้วลูกหลานญาติพี่น้องก็จะนำอาหารเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ มารับประทานร่วมกันเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในหมู่ลูกหลาน ญาติมิตร เพราะหนึ่งปี มีครั้งเดียว ลูกหลานที่ไปอยู่หมู่บ้านอื่นหรือต่างจังหวัดจะได้รู้จักคุ้นเคยกัน ในช่วงเย็นเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ซึ่งได้จัดเตรียมไว้แล้ว พร้อมบอกให้วิญญาณบรรพบุรุษไปที่วัดเพื่อฟังพระเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นพระสงฆ์จะทำพิธีมอบเครื่องเซ่นไหว้แก่บรรพบุรุษ แล้วกลับมาบ้านเตรียมปูที่นอนและเครื่องใช้สำหรับให้บรรพบุรุษ เชื่อว่าบรรพบุรุษจะค้างที่บ้านในคืนนี้ ก่อนสว่างก็จะทำเรือกาบกล้วย ใส่เงินกระดาษ ขนม อาหาร เครื่องดื่ม ผลไม้ และเสื้อผ้าของใช้ขนาดเล็ก จุดธูปเทียนแล้วลอยไปในแม่น้ำ หรือบ่อในบริเวณบ้านเพื่อเป็นการส่งวิญญาณบรรพบุรุษกลับสู่ยมโลกก่อนสว่าง หากไม่ทำเรือส่งท่านก็จะกลับไปยมโลกไม่ได้ และจะติดค้างอยู่ในโลกกระทั่งถึงไงแซนโฎนตาอีกรอบนับเป็นการสร้างบาปและความ ทุกข์แก่วิญญาณบรรพบุรุษ
ในวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ เช้าตรู่ชาวไทยเชื้อสายเขมรทุกครอบครัวก็จะนำเครื่องเซ่นไหว้ไปวัดอีก เพื่อทำบุญอุทิศแก่ผีไม่มีญาติ
ไงแซนโฎนตาเป็นโอกาสที่ญาติๆ ที่อาศัยอยู่ที่อื่นได้กลับบ้านมาเยี่ยมพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ได้รับพรจากผู้ใหญ่ เป็นศิริมงคลแก่ชีวิต ทำให้เกิดความรักสามัคคีระหว่างเครือญาติ เกิดความเสียสละ เพราะเครื่องเซ่นไหว้ทุกคนมีส่วนหามา และมีโอกาสช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ไงแซนโฎนตา ถ้าลูกหลานคนใดไม่ได้จัดทำ หรือไม่มาร่วมพิธีโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรบรรพบุรุษอาจไม่พอใจ อาจจะโยงเป็นเหตุให้ทำมาหากินไม่ราบรื่น จิตใจเกิดความกังวลไม่เป็นสุข ด้วยความเชื่ออย่างนี้ทุกคนจึงพยายามไปร่วมพิธี หรือไม่ก็จัดเครื่องเซ่นไหว้ที่บ้านของตน
ในจังหวัด สุรินทร์นอกจากชาวไทยเชื้อสายเขมรแล้ว ยังมีชาวไทยกวยหรือกูย และชาวไทยเชื้อสายลาวที่มีประเพณีงานบุญเดือน ๑๐ หรืองานสารทเหมือนกับชาวไทยเชื้อสายเขมร ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ของทุกปี
นิยามศัพท์เฉพาะ
ไง หมายถึง วัน
แซน หมายถึง การเซ่น การเซ่นไหว้ การบวงสรวง
โฎนตา หมายถึง การทำบุญให้ยาย และตา หรือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
ประเพณีแซนโฎนตา หมายถึง ประเพณีเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษ จัดเป็นประเพณีสำคัญที่คนไทยซึ่งพูดภาษาเขมร มีการสืบทอดมาเป็นระยะเวลานาน
ดีครับทำต่อไปเพื่อสังคมเรา
ตอบลบต่างกับตรุษจีนมากครับ
ตอบลบ